บรรยายเรื่องโดย อาจารย์ฮาซัน ยามาดีบุ
แปลและเรียบเรียงโดย The Motive
“ปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้) คือ เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรลังกาสุกะ และเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่มีชื่อเสียง” จากคำบอกเล่าในหนังสือตำนานปาตานี (Hikayat Patani)
ปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้) มีราชาปกครองนครรัฐที่ขึ้นชื่อและขนานนาม มีราชธานีตั้งอยู่ใกล้กับทะเล ช่วงสมัยเดียวกันนั้นมีราชาจากรัฐเล็กๆ มาขออยู่ภายใต้การปกครองทั่วทั้งคาบสมุทรมลายู (Semenanjung Tanah Melayu) แม้กระทั่งชาวมาลีกุลชวา (เหล่าราชาของชาวชวา) ก็เข้ามาคาราวะราชาปาตานีเช่นเดียวกัน
ฅนชวา จะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการเดินเรือ และสร้างเรือ เพื่อทำการค้าขายกับฅนจีนและฅนเขมรที่เดินทางมาค้าขายในปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้)
ในบันทึกของ เชค ซอฟียุดดีน อัล-อับบาซี ระบุไว้ว่า “ฅนเฒ่าฅนแก่เคยเล่าไว้ว่าท่าเรือใหญ่ปาตานีตั้งอยู่ที่หมู่บ้านฆูซือมีลัน (ต.รูสะมิแล จ.ปัตตานี)” แต่จากที่ เชค ซอฟียุดดีน ได้ตรวจสอบนั้น หมู่บ้านฆูซือมิลันไม่ใช่ท่าเรือใหญ่ แต่เป็นแหล่งการค้าปลาน้ำเค็ม
.
ริมชายหาดจะมีชาวฮินดูที่เดินทางมาจากอินเดียเพื่อค้าขายพระพุธรูป ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ศาสนาพุทธด้วย
พ่อค้าชาวฮินดู (อินเดีย) จะมาสวดมนต์คาถาพร้อมแสดงอิทธิฤทธิ์ผ่านการเล่นมายากล ฅนมลายูที่ล้อมวงดูบริเวณนั้นก็รู้สึกฉงนสงสัยในความวิเศษที่ไม่เคยพบเห็นจนนำมาสู่การนับถือศาสนาพุทธตามชาวฮินดู (อินเดีย) ในเวลาต่อมา ภายหลังมีการกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปที่ซื้อมาจากชาวฮินดู (อินเดีย) ด้วย
แม้แต่กษัตริย์ปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้) เองก็มีการเปลี่ยนศาสนาและกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปเช่นเดียวกัน อาณาจักลังกาสุกะก็เต็มไปด้วยพระพุทธรูปในเวลาต่อมา
เชค ซอฟียุดดีน ระบุในบันทึกไว้ว่า “ศาสนานี้เป็นศาสนาที่ท่านศาสดาอิบราฮิม หรือ อับราฮัม (ศาสดาฅนที่ 6 ของศาสนาอิสลาม) เกลียดชังมาก เพราะเขาเชื่อว่าพระพุทธรูปที่ผู้ฅนกราบไหว้บูชานั้นไม่สามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้”
มีบันทึกประวัติศาสตร์อิสลามในสมัยท่านศาสดาอิบราฮิมช่วงเวลาหนึ่งระบุว่า “ศาสดาอิบราฮีมได้เข้าไปยังสถานที่ตั้งของเทวรูปที่ผู้ฅนบูชากราบไหว้ และนำขวานที่ติดตัวมาด้วยนั้นตัดหัวเทวรูปทุกองค์ยกเว้นองค์ใหญ่ที่สุดที่เขานำขวานไปแขวนไว้ โดยปล่อยให้ผู้ฅนกลับมาเห็น
หลังจากนั้นไม่นานผู้ฅนจึงตะโกนร้องหาฅนที่ทำลายเทวรูปเหล่านั้น จนกระทั่งได้จับตัวศาสดาอิบราฮีมพร้อมถามว่า อิบราฮีม เจ้าทำลายเทวรูปที่เราสักการะบูชาใช่หรือไม่ เขาตอบกลับไปว่า เปล่า เทวรูปองค์ใหญ่นั้นต่างหากที่ทำ ไม่เชื่อลองถามเทวรูปองค์ใหญ่นั้นดู ถ้าองค์ใหญ่นั้นเป็นพระเจ้าของพวกเจ้าจริง เขาคงบอกพวกท่านได้ว่าใครกระทำ”
พระเจ้า (อัลลอฮฺ) เท่านั้นที่สูงส่งและสามารถยิ่ง แต่ด้วยความศรัทธาที่อ่อนแอและความโง่เขลาของมนุษย์ เราจึงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่หากเมื่อใดผู้ฅนเริ่มมีจิตสำนึกเสมือนในช่วงสมัยท่านศาสดาอิบราฮิม ผู้ฅนจะเริ่มพบสัจธรรมและนับถือศาสนาอิสลาม เฉกเช่นเดียวกันกับอาณาจักรลังกาสุกะในเวลาต่อมา
นอกจากนั้นชาวฮินดู (อินเดีย) ยังเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่แห่งเมืองจีนด้วย จุดประสงค์หลักก็เพื่อทำการค้าและเผยแพร่ศาสนาพุทธ มีบันทึกของจีนระบุว่า ศาสนาพุทธเข้าไปยังเมืองจีนหลังจากที่ท่านศาสดาอีซา บุตรของ มัรยัม (ศาสดาฅนที่ 24 ของศาสนาอิสลาม) หรือ พระเยซู (ศาสดาของศาสนาคริสต์) ประสูติ 400 ปี แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัด
เชค ฟากีห์ อาลี ยังระบุในบันทึกประศาสตร์ปาตานี (Sejarah Patani) อีกว่า อาณาจักรลังกาสุกะในสมัยที่มีการกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปนั้นผู้หญิงกับผู้ชายจะไม่มีการแต่งงานกัน แต่อนุญาติให้หลับนอนกันได้ สำหรับผู้หญิงแล้วจะมีอิสระสามารถเลือกคู่ครองอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้ชายฅนไหนก็ได้ตามที่ใจชื่นชอบ
จึงเป็นที่มาของลักษณะทางพันธุกรรมของฅนมลายูในปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้) ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ทั้งโครงหน้า สีผิว นัยน์ตา สีผม ความสูง เพราะฅนมลายูมีการผสมผสานกันหลากหลายชาติพันธ์ระหว่างฮินดู จีน เปอร์เซีย อาหรับ และมลายู
ส่วนฅนอาหรับที่เดินทางมายังอาณาจักรลังกาสุกะนั้น จะเรียกฅนมลายูว่า “ฅนป่า” แต่จะเรียกฅนซาไกว่า “ซาแก” หรือ “ซาไก” จะไม่เรียกว่า ฅนซาไก เพราะฅนสมัยนั้นจะมองว่าฅนซาไกคือ สิ่งมีชีวิตครึ่งฅนครึ่งสัตว์ เมื่อพวกเขาเจอผู้ฅนก็จะรีบหนีเข้าป่า ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ชอบขึ้นบ้านผู้ฅนเพื่อขโมยอาหาร กินเสร็จก็จะหนีเข้าป่า บางครั้งก็นำไปกินในป่า ฟังภาษามลายูและภาษาอื่นๆ ไม่รู้เรื่อง มีสีผิวดำคล้ำ ผมหยิก และไม่สูงมาก วิ่งเร็วเหมือนสัตว์อื่นๆ ที่มีอยู่ในป่า
ด้านการปกครองราษฎรราชาของอาณาจักรลังกาสุกะจะเรียกราษฎร์ตนเองว่า “ลูก” มีตำนานเล่าขานกันว่า ราชาอาณาจักรลังกาสุกะจะปกครองอาณาจักรตนเองเหมือนราชาอินเดียที่มีชื่อว่า อาซูกา (พระเจ้าอโศกมหาราช) ที่ปกครองราษฎรเหมือนปกครองลูก
ราชาอาณาจักรลังกาสุกะเคยกล่าวไว้ว่า “มนุษย์ทุกฅนคือลูกของข้า และลูกของข้าทั้งหมดทั้งมวลจะได้รับความเมตตาในโลกนี้ และจะได้รับวิญญาณกลับคืนหลังจากสิ้นชีพไปแล้ว”
อ่านเพิ่มเติม :
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 1
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 2
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 3
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 5
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 6
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 7
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 8
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 9
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 10