.
Kami segenap Pemuda Patani, selaku anak bangsa
AKAN BERJANJI…
Hidup Pemuda harapan bangsa, hidup. Demi kesatuan panji Wahdah Ummah.
เสียงนำการอ่าน อิกรา เปอมูดอ พร้อมกับเสียงที่ตะโกนอ่านตามของเยาวชนเรือนหมื่น สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในสังคมมลายูปาตานี แต่คงไม่ใช่แค่สังคมมลายู น่าจะทั้งสังคมไทยด้วยซ้ำที่ชาติพันธุ์หนึ่งลุกขึ้นมาสวมใส่ชุดแปลกแยกไปจากภูมิภาคอื่น ภาษาที่ต่างไปจากส่วนกลาง นับหมื่นฅน รวมตัวที่เดียวกัน ตะโกนอะไรก็ไม่รู้ด้วยน้ำเสียงท่าทีที่ฮึกเหิม
.
IKRAR PEMUDA SEPATANI: สัตย์ปฏิญาณเยาวชนแห่งปาตานี
เช้าวันที่ 4 พฤษภาคม 65 หลังวันฮารีรายอ หรือวันอีดฟิตรีเพียงไม่กี่วัน ขบวนรถทั้งมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ต่างเคลื่อนขบวนจากทั่วทุกทิศมุ่งสู่จุดนัดพบเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ หาดวาสุกรี สายบุรี ปัตตานี กิจกรรมรวมพลเยาวชนแต่งกายด้วยชุดมลายูเรียกได้ว่าครั้งแรกที่มาครบทั้งปาตานี หรือ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของสงขลาในชื่อธีมงานว่า “Melayu Raya 2022”
.
ตัดภาพมาที่ตอนไคลแมกซ์ของงาน คือ การอ่าน IKRAR PEMUDA
(คำแปล) สัตย์ปฏิญาณเยาวชนแห่งปาตานี
เราทุกคนคือเยาวชนปาตานีในฐานะผู้สืบทอดเจตจำนง
เราขอสัญญาว่า…
เยาวชนคือความหวังของชาติจงเจริญ
เพื่อประโยชน์ของความเป็นหนึ่งเดียว เป้าสูงสุดคือ วะดะห์อุมมะห์ (ประชาชาติหนึ่งเดียว)
.
เสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งหาดวาสุกรี ตอนสุดท้ายปิดด้วยเสียงตักบีรฺ “อัลลอฮู อัคบัรฺ” หรือเสียงการสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของเอกองค์อัลลอฮฺ แล้วงานก็จบลง ต่างก็แยกย้ายเคลื่อนตัวกลับ
.
แต่หลังจากงานรวมพลชุดมลายูจบ แต่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ไม่จบ จากกระแสของกิจกรรมรวมพลชุดมลายูได้ถูกนำเสนอผ่านสื่อหลัก และสื่อโซเชียลมีเดียจนเป็นไวรัล สร้างความกังวลใจต่อฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จนต้องมีการประสานนัดพบกับ ตัวแทนสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ CAP นำโดยนายมูฮัมหมัดอาลาดี เด็งนิ ประธานสมัชชาฯ ในสมัยนั้น กับตัวแทนแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะ นำโดย พล.ท. ธิรา แดหวา รอง ผอ.รมน. ภาค 4 สน. ประสานผ่านตัวแทนคณะพูดคุยฝ่ายไทยและ สมช. เพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องการจัดงานชุดมลายูเนื่องในวันฮารีรายอ ณ โรงแรมซีเอสปัตตานี หนึ่งในสาระของการพูดคุยในวงคือ การให้สัญญาว่าจะไม่มีการออกคำสั่งคุกคาม หรือล่ารายชื่อผู้ที่เข้าร่วมงานดังกล่าว กล่าวโดย พล.ท ธิรา แดหวา รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าวว่า ทหารไม่มีคำสั่งให้หน่วยทหารในพื้นที่คุกคามหรือตามล่ารายชื่อเยาวชนที่เข้าร่วมงานตามที่มีข่าวหรือกระแสการคุกคามดังกล่าว และพร้อมดำเนินการเอาผิดเจ้าหน้าทหารที่กระทำการนอกหน้าที่
.
เกือบ 3 ปี เหมือนกับว่าการพบปะในค่ำนั้น ณ โรงแรมซีเอส กลายเป็นเพียงภาพอดีตที่ไม่ได้มีความหมายใด ๆ ในคำพูดของนายพลที่เกษียณแล้ว
..
Melayu Raya มลายู รายา อัตลักษณ์แห่งความมั่นคง?
ปรากฎการณ์หลังจากการจัดงานชุดมลายูในปี 65 ที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี หรือที่เรียกว่ากิจกรรม “Melayu Raya” ได้จุดประเด็นความสนใจเกี่ยวกับสิทธิการแสดงออกทางอัตลักษณ์และความเท่าเทียมของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย กิจกรรมนี้ซึ่งถูกมองว่าเป็นการแสดงออกเชิงวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชาวมลายูในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ กลับเผชิญกับการที่ต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนมองว่ากิจกรรมดังกล่าวอาจ “กระทบต่อความมั่นคงของชาติ”
.
คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการจัดการความหลากหลายทางวัฒนธรรมในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวเชิงการเมืองและชาติพันธุ์ การใช้กฎหมายและการตีความเจตนาของกิจกรรมในมิติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง กลับสร้างแรงเสียดทานระหว่างรัฐและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจระหว่างกัน
.
สวนทางกับการพยายามชูคำว่า “สันติสุข” ทั้งจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนมาถึงรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรียุติธรรมที่มาจากพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดในพื้นที่ ความคืบหน้าของคดีมีแนวโน้มที่อัยการอาจส่งสำนวนฟ้องไปยังศาลจังหวัดปัตตานีในวันที่ 23 มกราคม 68 นี้ เนื่องจากมีสัญญาณหนึ่งเป็นหนังสือตอบกลับจากสำนักงานอัยการสูงสุดว่า “การขอสอบสวนพยานบุคคลเพิ่มเติมนั้น ไม่ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับคดีโดยตรง และยังไม่ใช่พยานสำคัญที่สามารถหักล้างพยานหลักฐานในสำนวนได้ และนักกิจกรรมทั้ง 9 คนยังคงมีสิทธิอ้างบุคคลดังกล่าวเป็นพยานฝ่ายจำเลยในชั้นศาลได้” และหลักฐานสำคัญส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนนำมาจากการปราศรัยบนเวทีเป็นภาษามลายู และถูกแปลเป็นภาษาไทย
.
หากว่าวันที่ 23 มกราคม 2568 นี้ อัยการตัดสินใจฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ หากรัฐไทยเลือกที่จะดำเนินการดังกล่าว จะชวนมาลองดูผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การเพิ่มความตึงเครียดในพื้นที่ การฟ้องร้องจะถูกมองว่าเป็นการกดดันและลดทอนสิทธิของชุมชนชาติพันธุ์ในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่พอใจและเพิ่มความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล
ภาพลักษณ์ของรัฐไทยในเวทีสากล การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกเชิงวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์มลายู อาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสายตาขององค์กรสากลและประเทศอื่น ๆ ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก
การทำลายโอกาสในการฟื้นความสัมพันธ์ การฟ้องร้องจะส่งสัญญาณเชิงลบต่อความพยายามสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่ อาจทำให้ประชาชนในพื้นที่รู้สึกว่ารัฐไม่ได้ตั้งใจรับฟังหรือเคารพในอัตลักษณ์ของพวกเขา
..
ตัดคำว่า “ชนพื้นเมือง” ออกจาก พรบ.ชาติพันธุ์ อ้างแยกดินแดน
ในช่วงของวาระพิจารณาและลงมติ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ หรือ ร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ ในวาระที่ 2 เมื่อ 8 ม.ค. 68 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เพื่อให้ที่ประชุมสภาฯ ลงมติว่าจะเห็นชอบร่างกฎหมายที่ จนที่ประชุมสภาฯ ได้มีการอภิปรายและตั้งข้อสังเกตร่างฯ และให้ กมธ.นำร่างกลับไปแก้ไข ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่มีข้อถกเถียงมากที่สุดเรื่องหนึ่งในการประชุมสภาฯ คือ มาตรา 3 ที่มีการนิยามคำว่า “ชนเผ่าพื้นเมือง” (Indigenous People)
.
ด้านนายชูพินิจ เกษมณี สมาชิกคณะกรรมาธิการร่างกฎหมาย ได้อภิปรายคำว่า ‘ชนเผ่าพื้นเมือง’ ตามปฏิญญาว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองแห่งสหประชาชาติ (UNDRIP) นิยามว่าเป็นคนดั้งเดิมที่ผูกติดกับดินแดน มีประวัติศาสตร์เป็นอาณานิคมถูกรุกรานจากคนนอก และเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจครอบงำกำหนดเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง หรือกลุ่มคนที่ถูกกดขี่ แม้ว่าประเทศไทยจะรับหลักการของ UNDRIP แต่ไม่เคยนำมาประยุกต์ใช้ในกฎหมายภายในประเทศ ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 70 ระบุเพียงว่า ‘ให้รัฐพึงส่งเสริมและคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ’ แต่ไม่ได้ใช้คำว่า ‘ชนเผ่าพื้นเมือง’ (Indigenous People) ตามที่ระบุในปฏิญญาฯ
.
ส่วนอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เห็นว่าต้องตัด คำว่า ‘ชนเผ่าพื้นเมือง’ออกไปเนื่องจากไทยลงนามใน UNDRIP ซึ่งในปฏิญญาดังกล่าวระบุถึงสิทธิการปกครองตนเอง นี่เป็นปัญหาด้านความมั่นคงของประเทศ และเขากังวลด้วยว่า หากยังมีคำว่า “ชนเผ่าพื้นเมือง” ใน พ.ร.บ. วันหนึ่งอาจส่งผลกระทบในปัญหาภาคใต้มีคนแยกไปปกครองตนเองอย่างที่ฝ่ายความมั่นคงกังวล
.
ท้ายที่สุดที่ประชุมสภาฯ เห็นด้วยให้ตัดคำว่า “ชนเผ่าพื้นเมือง” ออกจากมาตรา 3 พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ การตัดคำนี้ออกสะท้อนถึงความกังวลของรัฐไทยในการยอมรับสถานะทางกฎหมายของชนพื้นเมืองในประเทศ การไม่ยอมรับในความต่างทางอัตลักษณ์ วัฒนธรรมอื่น อันอาจนำไปสู่ข้อเรียกร้องสิทธิในที่ดินและการปกครองตนเองในระดับที่รัฐมองว่าเป็นประเด็นอ่อนไหว
.
คดี Melayu Raya จากปี 2565 การเลื่อนคดีชุดมลายูไปจนถึงปี 2568 และการตัดคำว่า “ชนพื้นเมือง” ออกจากร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตชาติพันธุ์ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความท้าทายของประเทศไทยในการจัดการความหลากหลายทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ ในขณะเดียวกันการลงพื้นที่ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในปาตานี/ชายแดนใต้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสื่อสารความตั้งใจของรัฐบาล แต่ก็ยังไม่มีการหลุดพูดถึงการเจรจาสันติภาพ หรือ พูดคุยสันติสุข แม้กระทั่งประเด็นที่ยังคงเป็นแผลในใจฅนในพื้นที่อย่าง ตากใบ กระนั้นก็ยังจำเป็นต้องมีการแปลงเจตจำนงทางการเมืองให้เป็นการปฏิบัติจริงที่คำนึงถึงสิทธิและความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง
.
อ่าน Ikrar Pemuda Sepatani : สัตย์ปฏิญาณเยาวชนแห่งปาตานี ฉบับแปลไทย : https://www.facebook.com/photo/?fbid=521158516333426&set=a.194378725678075