วันนี้ 16 ก.ค. 2563 เมื่อเวลา 13.40 น. สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) นำโดย นายมารุวรรณ หะยีดอเล๊าะ ประธานสมาพันธ์ฯ และองค์กรร่วม อาทิ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, กลุ่มลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผดจ็การ, สหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และพิราบขาวเพื่อมวลชน เข้ายื่นหนังสือต่อกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ หลัก คือ
1. ขอให้ยุติการตรวจเก็บ DNA ในการเกณฑ์ทหารเพื่อเป็นการปฏิบัติต่อประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าง เท่าเทียมและผู้ที่ถูกเก็บ “ดีเอ็นเอ” อาจอยู่ในภาวะ “จํายอม” มากกว่า “ยินยอม”
2. ขอให้มีการทําลายผลตรวจ DNA ในครั้งที่ผ่านมา เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอว่า DNA นั้นจะถูก นําไปใช้ประโยชน์ด้านใด จัดเก็บที่ไหน ใครสามารถเข้าถึงได้ และมีกําหนดเวลาในการทําลายตัวอย่างหรือไม่
3. ขอให้ดําเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ใช้กําลังข่มขู่ในการตรวจ DNA ที่ผ่านมา จากรายงานข่าวว่า มีการข่มขู่ประชาชนที่ไม่ ยินยอมให้ตรวจ DNA ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการอธิบายถึงเหตุผลในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอย่างชัดเจน ซำ้เมื่อประชาชนมีการ ขัดขืนเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ องค์กรร่วมดังกล่าวยังได้ร่วมกันติดแฮ็ชแท็ก #ปฏิเสธการให้ตรวจเก็บดีเอ็นเอไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นการรักษาสิทธิ์ของตัวเอง อีกด้วย
สำหรับที่มาของการยื่นหนังสือครั้งนี้ สืบเนื่องจากการเกณฑ์ทหารปีที่ผ่านมาในเดือนเมษายน พ.ศ.2562 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อําเภอ ในจังหวัดสงขลา (สะบ้าย้อย จะนะ เทพา นาทวี) ได้มีการเก็บสารทางพันธุกรรม หรือ DNA ชายไทยที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารและ การผ่อนผันการเกณฑ์ทหารในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานและเป็นการเลือกปฏิบัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 27 “ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายมีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ” อีกทั้งมีการ ละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (CERD) ที่ไทยได้ร่วมลงนามและมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย 27 กุมภาพันธ์ 2556
สําหรับปีนี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 23 กรกฏาคม จนถึงตลอดช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2563 จะมีการเกรฑ์ทหารประจําปี สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) ซึ่งเป็นองค์กรนําในการขับเคลื่อนประเด็นสิทธิมนุษยชน มีความกังวลและ เกรงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวในปีที่ผ่านมาจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ขอบคุณภาพ : MUSTFETH