ขออภัย วาทกรรมแห่งทักษิณ คำขอโทษเชิงสัญลักษณ์

จากการลงพื้นที่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน และเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ได้กล่าว “ขออภัย” เหตุสลายการชุมนุมที่ตากใบ พร้อมกับการประกาศให้ความรวมมือในการแก้ปัญหาสันติ”สุข”ภาคใต้

หลังจากที่ ทักษิณ กล่าว “ขออภัย” ในหน้าข่าวเกือบทุกสำนัก จากส่วนกลาง และสื่อในพื้นที่ต่างให้ความสนใจนำเสนอจนเต็มหน้าฟีดเฟสบุ๊ค ในโลกโซเชียลมีเดียมีทั้งคอนเทนต์ที่เห็นด้วยคำขอโทษ และไม่เห็นด้วยพร้อมกับตั้งข้อคำถามข้อสงสัยว่าทำไม เพิ่งจะมาขอโทษ แล้วจำเลยที่หนีคดีไปต่างประเทศรัฐบาลทำอะไรคืบหน้าบ้าง

The Motive ชวนมาร่วมกันวิเคราะห์ ถอดความนัยนะทางการเมือง เพื่อความเข้าใจต่อปัญหาความซับซ้อนของการเมืองในกระบวนการสันติภาพและประชาธิปไตยแบบไทยๆ
.
ในประเด็น การขอโทษและการยอมรับข้อผิดพลาด “ถ้าผมมีอะไรผิดพลาดที่ไม่เป็นที่พอใจก็ขออภัยด้วย”

ทักษิณเริ่มต้นด้วยการแสดงความห่วงใย และขอโทษต่อข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ตากใบ นี่เป็นกลยุทธ์เพื่อแสดงความจริงใจ ลดความตึงเครียด และหวังให้สังคมในพื้นที่เปิดรับมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การขอโทษในลักษณะนี้เป็นการขอโทษโดยไม่ระบุความรับผิดรับชอบเฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นแนวทางทางการเมืองที่ใช้เพื่อลดแรงต้าน

คำขอโทษของทักษิณอาจสร้างบรรยากาศที่ดีในระดับประชาชน แต่ไม่ได้ช่วยให้การเจรจาสันติภาพกับกลุ่มขบวนการก้าวไปข้างหน้าได้ กลุ่มขบวนการ BRN และฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องการ “การยอมรับความผิดของรัฐ” และ “ความยุติธรรม” มากกว่าการขอโทษเชิงสัญลักษณ์
การขอโทษเป็นสัญญาณของการปรองดอง แต่ไม่มีผลต่อกระบวนการสันติภาพโดยตรง แม้ทักษิณจะขอโทษ แต่ไม่ได้เสนอแนวทางหรือมาตรการใดในการแก้ไขความขัดแย้งอย่างเป็นรูปธรรม กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขบวนการต่อสู้ในปาตานีอาจมองว่านี่เป็นเพียงการขอโทษเชิงสัญลักษณ์
.
ทักษิณใช้คำว่า “สันติสุข” ตลอด โดยหลีกเลี่ยงคำว่า “สันติภาพ” ระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำ

“สันติสุข” เป็นคำที่เน้นภาวะสงบสุขในระดับสังคมทั่วไป ไม่ใช่การแก้ปัญหาทางการเมือง

ส่วนคำว่า “สันติภาพ” เชื่อมโยงกับกระบวนการทางการเมือง การเจรจา และข้อตกลงต่างๆ ที่อาจทำให้ต้องมีการยอมรับข้อเรียกร้องของฝ่ายตรงข้าม

การเลือกใช้คำนี้อาจเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นที่อ่อนไหว เช่น การสร้างความชอบธรรมกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน

.
ทักษิณย้ำว่าชาวมุสลิมได้รับการสอนให้ “รักสันติสุข” และ “รู้จักให้อภัย” กล่าวถึงคุณค่าของศาสนาอิสลาม

นี่เป็นความพยายามใช้ศาสนาเป็นสะพานเพื่อสร้างการปรองดอง อย่างไรก็ตาม ข้อความนี้อาจถูกมองว่าเป็นความพยายามบอกให้คนในพื้นที่ “ให้อภัยและเดินหน้าต่อ” แทนที่จะมีการแสวงหาความยุติธรรม

สำหรับกระบวนการสันติภาพปาตานีต้องการ “ข้อตกลงทางการเมือง” ซึ่งรัฐไทยมักหลีกเลี่ยง การใช้คำว่า “สันติสุข” สะท้อนถึงแนวทางของรัฐที่มองว่าเป็นเพียงปัญหาด้านความมั่นคง ไม่ใช่ข้อพิพาททางการเมือง
.
ทักษิณพูดถึงการ “หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหา” แทนที่จะเน้นถึงความผิดพลาดของรัฐในอดีต การมุ่งเน้นไปที่อนาคต ไม่ใช่อดีต

นี่เป็นแนวทางของนักการเมืองที่ต้องการลดความขัดแย้งและส่งสัญญาณเชิงบวกต่อรัฐบาลและกองทัพในปัจจุบัน
ทักษิณเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงคำว่า “สันติภาพ” และเน้น “สันติสุข” เพื่อให้สอดคล้องกับจุดยืนของรัฐไทยที่ไม่ต้องการยอมรับว่าปัญหาปาตานีเป็นข้อพิพาททางการเมือง นอกจากนี้ คำขอโทษของเขาเป็นไปในลักษณะของการสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้น แต่ไม่มีผลต่อกระบวนการสันติภาพโดยตรง

.
การขอโทษครั้งนี้อาจช่วยลดแรงต้านจากประชาชนบางส่วนในพื้นที่ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นรากเหง้าของความขัดแย้งในปาตานีแต่อย่างใด